เลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลด้วยการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม

ภาพ Keep-it-in-the-ground-by-MonaCaron

จากวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การยกเลิกการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นประเด็นสำคัญในการรณรงค์ของขบวนการด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก แต่จะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวคนงานนับล้านที่กำลังพึ่งพารายได้จากงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล? และเกิดอะไรขึ้นกับชุมชนที่เศรษฐกิจพึ่งพารายได้จากอุตสาหกรรมเชื้อเพลิง?

แค่เพียงที่สหรัฐแห่งเดียว มีคนกว่า 6 ล้านคนที่ต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อการดำรงชีวิต ถ้าหยุดนำเชื้อเพลิงฟอสซิลขึ้นมาใช้ อะไรจะเกิดขึ้นกับครอบครัวของคนทำงาน 6 ล้านนั้น

แม้จะมีองค์กรต่างๆที่เรียกร้องให้เกิด “การเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม” แต่คนทั่วไปก็ไม่ชัดเจนว่า หมายถึงอะไร บ้างก็บอกว่า คนงานต้องออกจากเหมืองถ่านหินและโรงกลั่นน้ำมันเพื่อไปสู่โรงงานพลังงานลมหรือแสงอาทิตย์ แต่คนงานก็ยังเห็นว่า เป็นเรื่องเพ้อฝัน เพราะมีความไม่ชัดเจนเรื่องปริมาณตำแหน่งงาน ต้องใช้เวลานานในการพัฒนาทักษะเพื่อการย้ายงาน โรงงานพลังงานลมและแสงอาทิตย์ก็มักอยู่ไกลจากบ้านพักคนงานและครอบครัว และค่าจ้างแรงงานก็อาจต่ำกว่าที่เคยได้รับ

ถ้าอยากจะเห็นโรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงกลั่นน้ำมัน และโรงงานเคมีปิดตัว ก็จำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ที่แท้จริงเกี่ยวกับอนาคตของคนงาน ครอบครัว และชุมชนด้วย

เคยมีกรณีที่ผู้ควบคุมโรงกลั่นจำนวน 40 คนถูกบังคับให้ออกจากงาน โดยทักษะ 25 ปีไม่สามารถโอนย้ายโดยตรงไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆได้ เมืองอุตสาหกรรมหลายเมืองกลายเป็นเมืองร้างเพราะคนอพยพไปหลังถูกเลิกจ้าง หลายครอบครัวคิดถึงการฆ่าตัวตาย

ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา แนวคิดเรื่องการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมได้รับความนิยม การยืนหยัดในการพัฒนาอย่างยั่งยืน งานที่มีคุณค่า และงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรมต่อคนงานซึ่งงานของพวกเขาถูกกำจัดออกไปโดยนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม แต่ก็มีข้อสังเกตว่าต้องได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับเงื่อนไขเฉพาะในการพัฒนาภาคเศรษฐกิจและขนาดของวิสาหกิจของแต่ละประเทศ

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหายนะที่เกิดขึ้นกับชุมชนและโลกของเราเป็นประเด็นที่เร่งด่วนที่สุดที่โลกของเราต้องเผชิญในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาและการรวมกลุ่มอย่างกว้างในการสร้างขบวนการทางสังคมที่แท้จริงเพื่อชะลอผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรม จึงไม่ได้หมายความถึงการให้ครอบครัวนับล้านๆ คนที่พึ่งพางานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล ต้องเปลี่ยนไปสู่งานที่มีค่าจ้างต่ำกว่าในอุตสาหกรรมพลังงานลมหรือแสงอาทิตย์ ถ้าเรากำลังจะหยุด การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราทุกคนจำเป็นต้องเปลี่ยนไปด้วยกัน

จาก Getting Serious About Keeping Fossil Fuels in the Ground Means Getting Serious About a Just Transition

โดย Patrick Young นักเคลื่อนไหวเพื่อความยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อมแห่งพิตต์สเบิร์ก สหรัฐอเมริกา

อ่านรายละเอียดที่ ; http://breakfreepnw.org/getting-serious-keeping-fossil-fuels-ground-means-getting-serious-just-transition/