ศูนย์ช่วยเหลือแรงงาน น้ำใจไม่เคยแห้งเหือด

 

   ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานที่ประสบภัยน้ำท่วมบางปะอิน จังหวัดอยุธยา เมื่อช่วงสายวันที่  12 พฤศจิกายน 2554 คึกคักไปด้วยสื่อมวลชนจากหลายแขนงที่มาทำข่าวเกี่ยวกับผลกระทบต่อแรงงาน ชุมชนและสิ่งแวดล้อม เช่น รายการพันแสงรุ้งจากป่าใหญ่ครีเอชั่น รายการเปิดปมจากไทยพีบีเอส นักข่าวจากเว็บไซต์ประชาไท หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ และ ASTV 
   และแม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำลดลงจนการสัญจรบนท้องถนนเริ่มสะดวกขึ้น  แต่ภารกิจการช่วยเหลือพี่น้องแรงงาน ของศูนย์ช่วยเหลือแรงงานที่ประสบภัยน้ำท่วมบางปะอิน ก็ยังคงดำเนินต่อไป เพราะว่ายังมีพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่ประสบความเดือดร้อนอีกจำนวนมากทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติที่ยังต้องการความช่วยเหลืออยู่
   อำนาจ บัวเสือ หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือย่อยนิคมโรจนะอธิบายให้สื่อมวลชนฟังถึงขอบเขตการทำงานของศูนย์ว่ามีศูนย์หลักอยู่ที่ถนนสายเอเซียขาออกบริเวณแยกต่างระดับบางปะอิน  เพื่อกระจายความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ผ่านศูนย์สาขาที่อยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมต่างๆคือ บางปะอิน  โรจนะ   ไฮเทค สหรัตนนคร และแฟคตอรี่แลนด์  ซึ่งวันนี้อำนาจจะนำทีมผู้ผลิตรายการพันแสงรุ้งไปยังแคมป์พักของคนงานก่อสร้าง ตั้งอยู่หลังสไมล์แมนชั่น 2 ใกล้นิคมอุตสาหกรรม โรจนะ ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
   แคมป์พักของคนงานก่อสร้างแห่งนี้เป็นห้องสังกะสี  น้ำที่ท่วมมากว่า 1 เดือนครึ่งทำให้แรงงานก่อสร้างที่มีอยู่ราว 70 คน เป็นแรงงานต่างชาติชาวพม่าประมาณ 30 กว่าคน ชาวมอญเกือบ 20 คน และมีชาวโรฮิงญา กะเหรี่ยงและแรงงานไทยอีกเกือบ 20 คน  แรงงานต่างๆชาติทั้งหมดเป็นแรงงานที่ถูกกฎหมาย และต่างต้องประสบความเดือดร้อนเหมือนๆกันเนื่องจากต้องหยุดทำงานนานทำให้ขาดรายได้
   ฉัตร  ไก่  หรือชื่อไทย สมหวัง เป็นชาวมอญ อายุ 42 ปี ภรรยาชื่อ มอญ ไก่  อาศัยอยู่ด้วยกันที่แคมป์พร้อมลูกคนเล็กอายุ 3 ขวบ ส่วนลูกอีก 3 คนอยู่ที่ประเทศพม่า สมหวังเป็นหัวหน้ากลุ่มแรงงานก่อสร้างชาวมอญที่รับเหมาช่วงงานจากนายทุนโดยตรง  คนงานได้ค่าแรงวันละ 200 บาท  ทำงานก่อสร้างที่สนามกอล์ฟและที่สไมล์แมนชั่น  ทุกคนต้องหยุดงานตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม  น้ำท่วมสูงทำให้ทำงานไม่ได้ ติดต่อเถ้าแก่ก็ไม่ได้  ทุกคนขาดรายได้ต้องอาศัยถุงยังชีพที่มีผู้นำมาแจกจ่ายช่วยเหลือเป็นครั้งคราว  มี 2-3 คนที่หนีน้ำท่วมออกไปหางานทำที่ปากช่อง  สมหวังบอกว่าสิ่งที่ต้องการที่สุดตอนนี้คือการได้ทำงานโดยเร็วเพราะขาดรายได้มานานทำให้ครอบครัวคนงานต้องเดือดร้อนมาก
   ส่วนเยไป หรือวิเวก อายุ 31 ปี เป็นชาวกะเหรี่ยงมาจากเมียวดี อาศัยอยู่ที่แคมป์กับภรรยาและลูกคนเล็กอายุ 2 เดือน ส่วนลูกคนโตอายุ 6 อาศัยอยู่กับปู่ย่าที่ประเทศพม่า  เวกเป็นหัวหน้ากลุ่มแรงงานชาวพม่าของผู้รับเหมาช่วงรายหนึ่ง  ทำงานก่อสร้างที่สนามกอล์ฟ ได้ค่าแรงวันละ 250 บาท ส่วนลูกน้องได้วันละ 200 บาท   ช่วงน้ำท่วมเก็บขวดน้ำ และขวดเหล้าเบียร์ลอยน้ำขายบางครั้งโชคดีได้ถึงวันละ 170 บาท แต่รายได้ก็หายไปมากเมื่อเทียบกับตอนทำงานอยู่  ตอนนี้เหลือเงินเก็บอยู่ 400 กว่าบาทซึ่งจะต้องส่งไปเลี้ยงลูกที่พม่า  ช่วงนี้ลำบากมาก ยังดีที่เถ้าแก่ผู้รับเหมาส่งข้าวน้ำให้เกือบทุกเช้าเย็น  อยากทำงานได้เร็วๆจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น
  แม้ว่าความต้องการอย่างยิ่งของคนงานคือได้กลับไปทำงานหารายได้โดยเร็วที่สุด แต่สิ่งของยังชีพก็เป็นเรื่องจำเป็นเฉพาะหน้าที่ต้องระดมจัดหามาเพื่อช่วยเหลือกัน  โชคดีที่ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานที่ประสบภัยน้ำท่วมบางปะอินมีผู้แวะเวียนมาบริจาคสิ่งของให้อยู่เป็นประจำ  จึงทำให้ศูนย์ฯแห่งนี้ยังคงยืนหยัดปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่ประสบภัยได้ต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ภาวะปกติ