คสรท.ร้องผู้บริหารไทยเบฟขอร่วมแก้ปัญหาYUMเลิกจ้างสหภาพ

ตัวแทนไทยเบฟฯ รับช่วยเคลียร์ปัญหาเลิกจ้างลูกจ้าง KFC แจงไม่ทราบเหตุผล เรื่องซื้อสาขาอยู่ระหว่างเจรจาตกลงกัน
วันที่ 27  พฤศจิกายน  2560 คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) นำโดยนายชาลี ลอยสูง รองประธานคสรท. นายยงยุทธ เม่นตะเภา ประธานสมาพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายสมพร ขวัญเนตร เลขาธิการกลุ่มสหภาพแรงงานภาคตะวันออก นายชัยสิทธิ์ สุขสมบูรณ์ ที่ปรึกษาสหภาพแรงงานผู้ปรุงอาหารและบริการ  ได้เข้ายื่นหนังสือถึง นายฐาปน สิริวัฒนภักดี   กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจจำกัด (มหาชน) เรื่อง ขอความร่วมมือหาแนวทางในการแก้ไขปัญหากรณีการเลิกจ้างประธานสหภาพแรงงานผู้ปรุงอาหารและบริการ 

นายชาลี ลอยสูง ประธานคสรท. กล่าวว่า สืบเนื่องจากคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) ได้รับหนังสือร้องเรียนจาก นางอภันตรี  เจริญศักดิ์ ซึ่งเป็นลูกจ้างบริษัทยัม เรสเตอรองท์ อินเตอร์เนชั่นเเนล (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 142 อาคาร ทู แปซิฟิค ชั้น 16  ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย กรุงเทพ  ซึ่งเป็นประธานสหภาพแรงงานฯ โดยบริษัทได้มีหนังสือบอกกล่าวล่วงหน้าการเลิกจ้างสัญญาจ้าง  ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560  โดยบริษัทอ้างว่า บริษัทฯ ได้บรรจุข้อตกลงในการโอนตามกิจการร้าน เคเอฟซี จำนวน  250 สาขา ของบริษัท ไปยังบริษัท เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (คิวเอสเอ)  โดยเงื่อนไขการโอนสัญญาจ้างในตำแหน่งเดิม คิวเอสเอ จะเป็นผู้พิจารณารับโอนการจ้างโดยวิธีการสัมภาษณ์เมื่อวันที่  3 ตุลาคม 2560 และแจ้งว่าบริษัทยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)ได้รับแจ้งจากคิวเอสเอว่า “ไม่สามารถหาตำแหน่งงานที่เหมาะสมให้กับลูกจ้างได้ ซึ่งอ้างว่า การโอนขายกิจการดังกล่าวจะไม่มีตำแหน่งของลูกจ้างในบริษัท และไม่มีตำแหน่งที่เหมาะสมในบริษัท ยัม เรสเตอรองท์ฯ อีกต่อไป “โดยแจ้งนางอภันตรีในเวลาต่อมาว่าไม่ผ่านการสอบสัมภาษณ์ และทางบริษัทยัมฯได้แจ้งให้นางอภันตรีลาออกโดยเสนอเงินชดเชยให้ตามกฏหมาย แต่นางอภันตรีฯไม่ยินยอม เพราะการสอบสัมภาษณ์ที่อ้างว่า ไม่ผ่านกลับไม่มีรายละเอียดใดๆ ทั้งๆที่นางอภันตรีฯทำงานในบริษัทมากว่า 22.6 ปี และมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2559  บริษัทยัม เรสเตอรองท์ อินเตอร์เนชั่นเเนล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ขายกิจการให้กับบริษัทอาร์ดี ต่อมาบริษัท ยัม ก็มีแผนการที่จะขายเฟรนไชส์ให้กับบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน)ภายใต้การบริหารของบริษัท คิวเอสเอ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 แล้ว

คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.)ได้มีการประชุมกันและมีความเห็นร่วมกันว่าการเลิกจ้างนาง อภันตรีฯนั้นไม่ถูกต้องชอบธรรมทั้งในแง่ของรูปการณ์การกระทำและข้อกฎหมาย จึงใช้โอกาสนี้ดำเนินการเพื่อสร้างมาตรฐานความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น ซึ่งก็จะมีหลายกระบวนการ ในเบื้องต้น คสรท.จึงประสานงานเพื่อเข้าพบหารือกับผู้บริหารบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) ในฐานะผู้กำกับดูแลการบริหารของบริษัท คิวเอสเอ ซึ่งกำลังจะรับซื้อเฟรนไชส์ร้านอาหารฟาสฟู้ดส์ ชื่อดัง เคเอฟซี จากบริษัท ยัม ซึ่งการเข้าพบก็เพื่อหารือ เพื่อแสวงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าวเป็นการเร่งด่วน

อีกประการหนึ่ง คสรท.เห็นว่าทางไทยเบฟฯมีอำนาจสูงสุดในการบริหารและบริษัทฯ และเป็นบริษัทขนาดใหญ่ มีการบริหารที่เป็นระบบ และมีบทบาททางสังคม เศรษฐกิจ และทางการเมือง มีมาตรฐานทางการค้า จึงเห็นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิแรงงานซึ่งเป็นมนุษยชน เป็นปัญหาละเอียดอ่อน โดยเฉพาะประเทศไทยกำลังถูกนานาประเทศจับตามองเรื่องมาตรฐานด้านแรงงาน

ด้านนายนิธิพัฒน์ พุฒทอง ผู้รับได้รับมอบหมายจากนายฐาปน สิริวัฒนภักดี   กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)ให้รับหนังสือแทน ได้กล่าวว่า “ขณะนี้ทางบริษัทไทยเบฟฯยังไม่ได้เซนต์สัญญาและสุดท้ายจะมีการซื้อKFCหรือไม่ ซึ่งทางเราไม่ทราบเรื่องการพิจารณาเลิกจ้าง แต่ทราบว่า มีการเลิกจ้างมากกว่า 100 คน และระหว่างKFCกับเราตอนนี้อยู่ระหว่างการซื้อขายซึ่งยังไม่เรียบร้อย และเราเองก็ต้องดูว่ามีตำแหน่งอะไรบ้างที่โอนย้ายมาบ้าง ในส่วนประเด็นที่มาพูดคุยกันวันนี้ทางเรายินดีรับไปเพื่อปรึกษากับทางKFCให้อีกทาง หากถามเราเรื่องสหภาพแรงงานในบริษัทฯเราก็มีสหภาพแรงงานที่ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว การมีสหภาพแรงงานสำหรับเราดีซะอีกทำให้ทำงานได้ง่ายกับการบริหาร”

ส่วนนางอภันตรี เจริญศักดิ์ กล่าวว่า  เข้าทำงานในบริษัทยัม เรสเตอรองท์ อินเตอร์เนชั่นเเนล (ประเทศไทย) จำกัด  ตั้งแต่ปี 2538 และได้ทำงานมาด้วยความวิริยะอุตสาหะ ซื่อสัตย์ สุจริต รักความเป็นธรรม ทำให้ได้เลื่อนตำแหน่งเรื่อยมา เป็นถึงผู้จัดการเขตการทำงานมา 22 ปีกับอีก 6 เดือน ก็มุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าไปด้วยกัน และคิดว่า การทำงานด้วยใจรัก การที่บริษัทฯมาแจ้งเลิกจ้างแบบให้เวลาตัดสินใจเพียง 24 ชั่วโมง โดยให้เสนอตัวเลขเป็นตัวเงินในการทดแทนการทำงานมากว่า 22 ปี รู้สึกว่ารับไม่ได้และเสียใจ อย่กขอให้ทางไทยเบฟฯช่วยพิจารณาถึงผลงานความมุ่นมั่นด้วยเชื่อว่า จะเดินหน้าพัฒนาธุรกิจไปด้วยกันได้ และการมีสหภาพแรงงานคือการการันตรีให้ลูกค้าเชื่อมั่นว่าเป็นธุรกิจที่รักความเป็นธรรม และเคารพสิทธิแรงงาน 

นักสื่อสารแรงงาน รายงาน