ค่าจ้างความหวังแม่ อนาคตลูก- สูญสิ้นเมื่อ “แม่ปู” เปลี่ยนสัญญา

โดย สวรรยา  ผดาวัลย์ นักสื่อสารแรงงาน ศูนย์ข่าวพื้นที่สระบุรี

หลังเสร็จสิ้นการแถลงนโยบายรัฐบาล “ปูแดง” ความหวังของคนงานเริ่มเหลือน้อยลง ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนที่หลงเสียงนาง ที่แว่วกังวานทั้งความสวยความดังตามสายลม และทีวีเสนอ “นโยบายปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาททันทีเท่ากันทั่วประเทศค่ะ” แต่แล้วความหวังเหมือนพังทลายลงในพริบตา เมื่อสิ้นเสียงรัฐบาล “ปูแดง” แถลงนโยบายให้แรงงานทุกคนมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 300 บาท แถบลมจับความเลือนรางหน้ามืดตาลาย เหมือนนโยบายที่ขายไว้ถูกเปลี่ยนไปไม่เห็นฝุ่น ไม่ตรงตามที่ได้หาเสียงไว้เลยจากคำว่ารายไม่ต่ำกว่าวันละ300 บาท หมายถึงต้องทำงานทั้งวันแล้วมีรายได้ไม่ต่ำ  แต่หากเป็นคำว่าจะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ300 บาทต่อวัน นั้นหมายถึงตั้งแต่แรกเข้าแรงงานจะได้ค่าจ้างขั้นต่ำ และทำงานวันละ 8 ชั่วโมงตามกฎหมายกำหนดแน่ จากความหวังของแรงงานที่มุ่งหน้ากาเบอร์ 1 โดยคิดไว้ว่าได้ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มมาพอที่จะช่วยจุนเจือครอบครัวบ้าง

นางนงนุช  จงสูงเนิน  คนงานในเขตอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี อายุ 44 ปี กล่าวว่า  เข้างานครั้งแรกได้รับค่าจ้างวันละ 125 บาท ปัจจุบันทำงานมา 16 ปีแล้ว ได้ค่าจ้างวันละ 250  บาท ตนได้วางแผนค่าใช้จ่ายครอบครัวไว้ว่า หากรับการปรับขึ้นค่าจ้างในปีนี้ ก็พอที่จะช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวได้บ้าง ถึงไม่มากแต่ก็ยังดีกว่าไม่ขึ้นเลย เพราะตนต้องดูแลครอบครัว เลี้ยงดูบุตร 3 คน ซึ่งทั้ง 3 คน กำลังเรียนหนังสือ คนโตเรียนหนังสืออยู่ ปวส.  คนที่ 2 เรียนอยู่ มัธยมปีที่3  คนสุดท้ายเรียนอยู่ มัธยมปีที่1

ส่วนสามีของของตนได้แยกทางกันแล้ว ปัจจุบันต้องดูแลลูกเพียงคนเดียว เพราะสามีไม่ได้ส่งเสียบุตรช่วยเลย  อยู่ได้ทุกวันนี้ต้องทำงานล่วงเวลา(OT) และหารายได้พิเศษเพิ่ม ทั้งรับจ้างซักรีดเสื้อผ้า เพื่อที่จะให้พอกับค่าใช้จ่ายในครอบครัว มิหนำซ้ำเมื่อปีที่ผ่านมา บ้านที่อาศัยก็ถูกไฟไหม้หมดทั้งหลังไม่เหลืออะไรเลยเรียกว่าหมกตัวเลยแล้วกัน แต่ที่ยังยืนอยู่ได้เพราะได้รับความช่วยเหลือ และกำลังใจจากเพื่อนๆ ญาติพี่น้อง ทุกวันนี้เหมือนเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตน ด้วยความหวังได้ปรับค่าแรงจากรัฐบาลที่หาเสียงไว้ว่าจะทำทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล

แต่แล้วเมื่อวันที่มีการประกาศนโยบายรัฐบาล ตนรู้สึกผิดหวังมาก กับรัฐบาล ถึงแม้ว่า จะยังไม่ได้ทำงาน แต่การแถลงนโยบายค่าจ้างของรัฐบาลการเป็นรายได้ซึ่งไม่ตรงกับที่ได้หาเสียงไว้ ทำให้รู้สึกว่า รัฐบาลชุดนี้โกหก หลอกลวงสัญญา ใช้วาทศิลป์ทางภาษาเลี่ยงบารีเพื่อไม่ต้องทำตามที่หาเสียงไว้ 

ตนยังคิดอยู่ลึกๆว่า นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ปู) เข้ามาเพื่ออะไร เพื่อใคร?. ในเมื่อวันนี้การประกาศนโยบาย หลบหลอกเลี่ยงซ้ายเลี่ยงขวาหาความชัดเจนไม่ได้ แต่อย่างไรในฐานะที่ตนเป็นผู้หญิง และต้องเลี้ยงลูกคนเดียวด้วยหวังที่จะส่งเสริมให้ลูกได้รับการศึกษาสูงที่สุด ด้วยการทำงานหนักเพราะค่าจ้างวันละ 8 ชั่วโมงไม่พอกิน ต้องพึ่งการทำงานOT ต่อไป

ภายใต้ภาพที่นายกปูแสดงถึงความรักลูก ดูแลลูกเป็นภาพที่น่าเชื่อชมอย่างมาก แต่การรักลูกในฐานะผู้นำประเทศ และต้องดูแลทุกคนอย่างเสมอภาคเท่าเทียม เป็นธรรม เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่  เพียงแต่นายกทำตามสัญญาประชาคมที่ให้กับประชาชนไว้อย่างจริงจัง จริงใจ การที่กำหนดประเด็นเร่รีบเร่งกดดันการทำงานของตนเอง โดยเริ่มจากการทำสัญญาใหม่แบบกำกวมต้องตีความหลายตลบฟังแล้วมึนๆงงๆกว้างเหมือนทะเลไม่มีความชัดเจน และสิ่งที่บอกว่าจะไม่ทำกลับถูกหยิบมาจัดวางเตรียมการไว้พร้อม จนลืมประเด็นสัญญาที่ประชาชนตั้งตารอด้วยหวังว่านายกจะประกาศนโยบายตามที่หาเสียง และทำได้จริง

วันนี้แม้คนบอกว่านายกไม่มีประสบการณ์ในการทำงานทางการเมือง เป็นผู้หญิง อายุยังน้อย เราไม่อยากเห็นภาพประชาชนที่ออกมาชูป้ายว่านายก “[i]ดีแต่พูด” ไม่อยากเห็นข่าว “[ii]เด็กดื้อ เด็กเนรคุณ หุ่นเชิด” มาบริหารบ้านเมือง และไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำประเทศ  ทำให้คนเลือกผิดหวังอย่างมากมาย ขอให้นายกจงรักษาคำสัญญาเพราะนั้นคือความหวังของ แม่ อนาคตของลูก ซึ่งคิดว่าแรงงานทุกคนยังรอดูความจริงใจหลังเลือกตั้ง


[i] prachatai.com/journal/2011/03/33415

[ii] www.oknation.net/blog/print.php?id=500201